วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2558

ต่อสู้ขัดขวางการจับกุม ม.138

คำพิพากษาฎีกาที่  2410/2545
ป.อ. มาตรา 83, 138
พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15, 67
               จ่าสิบตำรวจ ส. และสิบตำรวจตรี น. เจ้าพนักงานตำรวจ สภ.แม่แตง จว.เชียงใหม่ ได้ตั้งด่านตรวจยานพาหนะที่แล่นผ่านบริเวณป้อมยามบ้านแม่แสะ พบจำเลยขับรถยนต์กระบะสีน้ำเงินแล่นผ่านมา จ่าสิบตำรวจ ส. จึงส่งสัญญาณให้หยุดรถ แต่จำเลยไม่ยอมหยุดกลับขับรถแล่นผ่านไป จ่าสิบตำรวจ ส. และสิบตำรวจตรี น. จึงขับรถยนต์ไล่ติดตามไปจอดรถขวางหน้าไว้แล้วบังคับให้จำเลยหยุดรถซึ่งอยู่ห่างด่านตรวจประมาณ 800 เมตร เมื่อจำเลยจอดรถแล้วเปิดประตูรถจะหลบหนี ต้องเข้าสกัด จึงสามารถจับกุมจำเลยได้ ส่วนชายอีกคนหนึ่งที่นั่งรถมากับจำเลยได้หลบหนีไป จากการตรวจค้นภายในรถยนต์กระบะของจำเลย พบเมทแอมเฟตามีน จำนวน 5 ถุง ถุงละ 200 เม็ด ที่เบาะนั่งด้านหน้าข้างที่นั่งคนขับและพบผงเฮโรอีนตกเรี่ยราดอยู่ที่พื้นรถยนต์บริเวณที่นั่งคนขับด้วย
               จำเลยรับจ้างขับรถยนต์กระบะไปส่งคนร้ายที่มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองโดยจำเลยรู้จักคนร้ายที่นั่งรถมาด้วย การกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นความผิดที่เกิดขึ้นและมีอยู่ต่อเนื่องกันไปตลอดเวลา นับตั้งแต่เมื่อบุคคลผู้นั้นได้ยึดถือเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต จนกระทั่งขนเคลื่อนย้ายไป เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า คนร้ายซึ่งมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองได้มาว่าจ้างจำเลยให้ขับรถยนต์กระบะไปส่งยังจุดหมายปลายทาง โดยจำเลยรู้จักคนร้ายเป็นอย่างดี และจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเมทแอมเฟตามีน จำนวน 1,000 เม็ด ของกลางคนร้ายจะนำไปจำหน่ายที่สถานที่ก่อสร้างในอำเภอเมืองเชียงใหม่ การที่เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยและยึดได้เมทแอมเฟตามีน จำนวน 1,000 เม็ด ของกลาง แม้จำเลยจะอ้างว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางไม่ใช่ของจำเลย แต่การที่จำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษ เมื่อจำเลยรับจ้างขับรถยนต์กระบะเพื่อส่งคนร้ายโดยมียาเสพติดให้โทษนั้นอยู่ในความยึดถือหรือความปกครองดูแลของจำเลยด้วยก็ถือได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครอง เมื่อจำเลยกับคนร้ายกระทำร่วมกันเพื่อให้บรรลุตามความประสงค์ร่วมกันในการกระทำดังกล่าว โดยการกระทำแต่ละขั้นตอนเป็นสาระสำคัญก่อให้เกิดเป็นความผิดขึ้น การกระทำของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นตัวการมิใช่เป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิด
                เมื่อจำเลยขับรถยนต์กระบะมาถึงด่านตรวจบ้านแม่แสะ เจ้าพนักงานตำรวจได้ให้สัญญาณให้หยุดรถเพื่อตรวจ จำเลยไม่ยอมหยุดและได้ขับรถเลยไปจนต้องมีการไล่ติดตามเพื่อสกัดจับโดยจ่าสิบตำรวจ ส. เบิกความว่า จำเลยไม่ได้ชกต่อยทำร้ายร่างกายพยาน เพียงแต่ดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากการจับกุมเท่านั้น ดังนี้ การที่จำเลยขับรถเลยไปไม่ยอมหยุดให้ตรวจค้นก็ดี การที่จำเลยดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากการจับกุมก็ดี เป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งของการจะหลบหนี เมื่อไม่ได้ความว่าจำเลยกระทำอื่นใดนอกเหนือไปจากนี้การกระทำของจำเลยจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่