คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8722/2555
ป.วิ.อ. มาตรา 93
ป.อ. มาตรา 136, 138 วรรคสอง, 367
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 93 บัญญัติว่า “ห้ามมิให้ทำการค้นบุคคลใดในที่สาธารณสถาน เว้นแต่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเป็นผู้ค้น ในเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าบุคคลนั้นมีสิ่งของในความครอบครองเพื่อจะใช้ในการกระทำความผิด หรือซึ่งได้มาโดยการกระทำความผิด หรือซึ่งมีไว้เป็นความผิด” แสดงว่า พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจะทำการค้นบุคคลใดในที่สาธารณสถานไม่ได้ เว้นแต่ จะเข้าข้อยกเว้นของกฎหมายดังกล่าว
เมื่อข้อเท็จจริงจากภาพถ่ายและแผนที่บริเวณสถานที่เกิดเหตุปรากฏว่า บริเวณที่เกิดเหตุอยู่บนถนนสุทธาวาส ไม่ได้อยู่หลังซอยโรงถ่านตามที่สิบตำรวจโทกรุงและสิบตำรวจตรีไพรัตน์อ้างว่ามีอาชญากรรมประเภทความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พระราชบัญญัติอาวุธปืน และความผิดเกี่ยวกับทรัพย์เป็นประจำเกิดขึ้นประจำแต่อย่างใด และจำเลยไม่มีท่าทางเป็นพิรุธ คงเพียงแต่นั่งโทรศัพท์อยู่เท่านั้น การที่สิบตำรวจโทกรุงและสิบตำรวจตรีไพรัตน์อ้างว่าเกิดความสงสัยในตัวจำเลยจึงขอตรวจค้น โดยไม่มีเหตุผลสนับสนุนว่าเพราะเหตุใดจึงเกิดความสงสัยในตัวจำเลย จึงเป็นข้อสงสัยที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้สึกเพียงอย่างเดียว ถือไม่ได้ว่ามีเหตุอันควรสงสัยตามกฎหมายดังกล่าวที่จะทำการตรวจค้นได้ การตรวจค้นตัวจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยซึ่งถูกกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีสิทธิโต้แย้งและตอบโต้เพื่อป้องกันสิทธิของตน ตลอดจนเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งใด ๆ อันสืบเนื่องจากการปฏิบัติที่ไม่ชอบดังกล่าวได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังประทุษร้าย และฐานไม่ยอมบอกชื่อหรือที่อยู่แก่เจ้าพนักงานซึ่งถามเพื่อปฏิบัติการตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9949/2553
ป.อ. การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย (มาตรา 68)
ป.วิ.อ. มาตรา 93 การค้นในที่สาธารณสถาน
จากคำเบิกความของผู้เสียหายปรากฏแต่เพียงว่า ผู้เสียหายแต่งกายในเครื่องแบบ มีอาวุธปืนติดตัว ขณะขับรถจักรยานยนต์สายตรวจออกตรวจท้องที่มาถึงบริเวณหน้าที่ทำการไปรษณีย์ พบจำเลยยืนอยู่กับกะเทยคนหนึ่งในบริเวณลานหน้าอาคารที่ทำการไปรษณีย์ สาขาศรีราชา ในเวลาวิกาลเท่านั้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่าจำเลยมีสิ่งของในความครอบครองเพื่อจะใช้ในการกระทำความผิด หรือซึ่งได้มาโดยการกระทำความผิด หรือซึ่งมีไว้เป็นความผิด อันจะเป็นเหตุให้เข้าตรวจค้นตัวจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 93
การที่ผู้เสียหายเข้าตรวจค้นตัวจำเลยจึงเป็นการมิชอบ เมื่อจำเลยไม่ยินยอมให้ตรวจค้นโดยใช้มือปัดป้องและวิ่งหลบหนีไปที่รถจักรยานยนต์และพยายามจะขับรถจักรยานยนต์หลบหนี ผู้เสียหายวิ่งติดตามไปทันและดึงกุญแจรถจักรยานยนต์ออก จากนั้น จำเลยลงจากรถจักรยานยนต์แล้ววิ่งไปที่บริเวณด้านหลังที่ทำการไปรษณีย์ ผู้เสียหายเข้ายึดรถจักรยานยนต์ขับไปจอดหน้า ป.คอนโดมิเนียม โดยอ้างว่า จะนำไปฝากพนักงานรักษาความปลอดภัยไว้ก็ตาม ก็ไม่ปรากฏว่ายึดเพื่อเหตุใด อันจะเป็นการยึดได้ตามกฎหมาย การยึดไว้เช่นนี้ จึงเป็นการไม่ชอบเช่นกัน
จำเลยซึ่งเป็นผู้ครอบครองรถจักรยานยนต์ย่อมมีสิทธิติดตามเอาคืนได้ทันที การที่จำเลยหวนกลับมาและเห็นผู้เสียหายนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ของจำเลยอยู่ แล้วใช้ไม้ของกลางที่หามาได้ในบริเวณที่เกิดเหตุตีผู้เสียหายที่ขอบหมวกไฟเบอร์กับบริเวณกกหู และตีบริเวณกลางหลังและที่แขนซ้ายของผู้เสียหายเป็นเหตุให้กระดูกแขนซ้ายหักในขณะนั้น เพื่อจะเอารถคืนในขณะที่ผู้เสียหายมีอาวุธปืน การที่จำเลยใช้ไม้ตีผู้เสียหาย จึงเป็นการป้องกันทรัพย์สินโดยมีเหตุผลสมควร